เทคนิคการผสมเกสรเพิ่มผลผลิตฟักทอง
ฟักทอง จัดเป็นพืชผักที่อยู่ในกลุ่มพืชตระกูลแตง ซึ่งได้แก่ ฟักทอง แตงกวา แตงร้าน ฟักแฟง มะระ บวบ แตงโม แคนตาลูป ฯลฯ เป็นพืชผักที่มีราคาถูก มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณและถนอมสายตา นำมาทำอาหารได้หลายชนิด เช่น ยอดอ่อนนำมาลวกจิ้มน้ำพริก หรือใส่แกงเลียง แกงส้มเปรอะ แกงส้ม เป็นต้น เนื้อใช้ทำอาหารได้ทั้งคาว-หวาน ทั้งผัด-แกง-ขนม และใช้เป็นอาหารเสริมในเด็กเล็ก รวมทั้งดัดแปลงมาใช้โรยหน้าหรือปนในขนมต่างๆ ทำให้มีสีสันสวยงาม และมีคุณค่าทางอาหารมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีเกษตรกรหลายท่านไม่ได้ให้ความสนใจในการต่อดอกของฟักทองจึงทำให้ได้ผลผลิตน้อยดังนั้นการต่อดอกฟักทองจึงมีความสำคัญมากเพาะจะทำให้เกษตรกรนั้นได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งทีมงาน FARMER INFO จ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่พบกับคุณวัชรินทร์ ทารัมย์ เกษตรกรผู้ปลูกฟักทอง ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย เพื่อไปรับการถ่ายทอดวิชาความรู้ที่ได้จากการปลูกฟักทองมานาน โดยเฉพาะเทคนิคการผสมเกสรเพิ่มผลผลิตฟักทอง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
++ การเตรียมวัตถุดิบ ++
1. นมผงเด็ก 2. น้ำสะอาด ++วิธีการทำ ++ - เมื่อปลูกฟักทองได้ประมาณ 1 เดือน ให้สังเกตต้นฟักทองจะเริ่มออกดอก - หลังจากนั้นนำนมผงเด็กที่เตรียมไว้มาผสมกับน้ำ ในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำสะอาด 20 ลิตร - คนให้นมผงละลายและเข้ากันดี - นำไปฉีดพ่นดอกฟักทองในช่วงเช้า เพื่อช่วยล่อแมลงมาช่วยผสมเกสรทำให้ดอกฟักทองติดเป็นผลได้ทุกเถา ** หรืออีกวิธีการหนึ่งคือให้เกษตรกรนำเกสรดอกตัวผู้มาผสมให้กับดอกตัวเมีย โดยคัดเอาดอกจากต้นที่สมบูรณ์แข็งแรงวิธีการสังเกตดอกนั้นสามารถสังเกตได้ง่ายๆโดยดอกตัวผู้จะเป็นดอกสีเหลืองและมีเกสรอยู่ด้านใน ส่วนดอกตัวเมียนั้น จะมีดอกสีเหลืองและจะสังเกตเห็นได้ว่าฐานของดอกนั้นจะมีลูกกลมๆสีเขียวติดอยู่กับดอก - ให้นำเกสรตัวผู้ 1 ดอก มาผสมกับดอกตัวเมีย 3 ดอก คือ ให้นำเกสรตัวผู้มาเคาะเอาเกสรใส่ลงไปในเกสรตัวเมีย หรืออาจใช้ไม้เล็กๆเขี่ยลงไปผสมก็ได้ - หากดอกฟักทองได้รับการผสมเกสรก็จะทำให้มีขนาดของผลที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน หากไม่ได้รับการผสมเกสรจะทำให้ผลของฟักทองแห้งหรือฝ่อ ทำให้ไม่ได้ผลผลิต |
++ ประโยชน์ ++
-ลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต -ลดค่าปุ๋ย-ยาฮอร์โมนต่างๆในการบำรุง -สามารถให้ผลผลิตเร็วกว่าการปลูกฟักทองทั่วไปแถมยังได้คุณภาพอีกด้วย เรียบเรียงโดย : พูนศักดิ์ ศรีสุทธา เจ้าหน้าสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน จ.เชียงราย ---------------------------- ^ ^ --------------------------- แหล่งอ้างอิง : วัชรินทร์ ทารัมย์ .สัมภาษณ์,31 พฤษภาคม 2555 |
0 comments:
Post a Comment